ดาวซัลโวสุดเซอร์ไพรส์! เกร็ดน่ารู้หลังจบคู่ชิงดำ ยูโรปา ลีก

นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สำหรับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ทีมดังจากศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน หลังจากที่พวกเขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ประจำฤดูกาล 2021-22 ไปครองได้สำเร็จ หลังจากที่พวกเขาเอาชนะ เรนเจอร์ส ในช่วงดวลจุดโทษไปแบบสนุกสุดๆ

    อย่างที่รู้กันดีว่าชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ แฟร้งค์เฟิร์ต ถือเป็นทีมที่ 3 ที่เริ่มต้นการเล่น ยูโรปา ลีก ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่ไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้โดยที่ไม่แพ้ใครเลยแม้แต่นัดเดียว รวมถึงเป็นทีมจากเยอรมนีทีมแรกนับตั้งแต่ปี 1997 ที่ได้แชมป์ถ้วยรองของศึกชิงแชมป์สโมสรในระดับทวีปยุโรปไปครองอีก โดยสมัยนั้น ยูโรปา ลีก ยังใช้ชื่อรายการว่า ยูฟ่า คัพ อยู่

    อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องเหล่านั้นแล้วมันยังมีเกร็ดอื่นๆ ที่น่าสนใจหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวของเกมที่ ราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน เมื่อวันพุธที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเหมือนกัน และหนึ่งในนั้นคือดาวซัลโวสูงสุดที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงซะด้วย

    – ดวลเป้าติดต่อกันหนแรก
    ในรอบลึกๆ ของเกมฟุตบอลถ้วยนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พอเสมอกันแล้วมันก็ต้องมีการดวลจุดโทษเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ในเกม ยูฟ่า คัพ/ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ ต้องตัดสินผู้ชนะด้วยการดวลเป้าถึง 2 ซีซั่นติดต่อกัน

    สำหรับอันของฤดูกาลก่อนนั้น เชื่อว่าหลายคนคงยังจำกันได้ดี เพราะมันเป็นวันที่ บียาร์เรอัล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดวลเป้ากันอย่างยาวนานก่อนที่ "เรือดำน้ำสีเหลือง" จะชนะไป 11-10 นั่นเอง เรียกได้ว่าทีมจากชาติในเครือสหราชอาณาจักรต้องอกหักในรายการนี้ในช่วงดวลจุดโทษถึง 2 ซีซั่นติดต่อกันเลย

    – ดาวซัลโวแบบหายาก
    7 ลูก คือจำนวนประตูของดาวซัลโวสูงสุดประจำศึก ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลนี้ คนที่ทำอย่างนั้นได้คือ เจม์ ทาเวอร์เนียร์ แข้งชาวอังกฤษของ เรนเจอร์ส ซึ่งสาเหตุที่มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจก็คือที่จริงแล้วแข้งวัย 30 ปีไม่ใช่ผู้เล่นในแนวรุก แต่เป็นเพียงแบ็กขวาเท่านั้น

    ด้วยเหตุนี้ ทาเวอร์เนียร์ เลยถือเป็นผู้เล่นแนวรับคนแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1993-94 ที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำในรายการชิงถ้วยระดับสโมสรของทวีปยุโรป โดยคนสุดท้ายก่อนหน้าเขาที่ทำอย่างนั้นได้ก็คือนักเตะระดับตำนานที่ชื่อ โรนัลด์ คูมัน ซึ่งเคยทำประตูให้ บาร์เซโลน่า 8 ลูก กับการลงเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และมันก็เป็นเหมือนตลกร้ายที่ในซีซั่นนั้น คูมัน ก็เป็นเพียงรองแชมป์เหมือนกับ ทาเวอร์เนียร์ เลย จากการที่ตอนนั้น บาร์เซโลน่า แพ้ เอซี มิลาน ในนัดชิงชนะเลิศแบบขาดลอย 0-4

    ที่จริงเมื่อวันพุธที่ผ่านมายังมีคนที่พอจะขึ้นมาทาบหรือแซงหน้า ทาเวอร์เนียร์ ได้ นั่นคือ ไดจิ คามาดะ กองกลางชาวญี่ปุ่นของ แฟร้งค์เฟิร์ต เพราะก่อนลงเล่นนัดชิงดำ คามาดะ ทำไปได้ถึง 5 ประตู แถมเขาได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศด้วย แต่สุดท้ายแข้งวัย 25 ปีก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้

    – แฟนบอลได้เฮตลอด
    นอกจากจะไม่แพ้ใครเลยตลอดทั้งรายการแล้วนั้น ในซีซั่นนี้ แฟร้งค์เฟิร์ต ก็ไม่เคยมีเกมที่เท้าบอดแม้แต่เกมเดียวในศึก ยูโรปา ลีก ด้วย โดยเกมที่พวกเขาทำประตูได้มากที่สุดคือเกมรอบแบ่งกลุ่มกับ โอลิมเปียกอส และเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสองกับ บาร์เซโลน่า จากการที่ใน 2 เกมนั้นพวกเขาทำได้ 3 ประตู

 ที่จริงมันมีเกมหนึ่งที่เกือบจะทำให้ แฟร้งค์เฟิร์ต อดสร้างสถิตินี้แล้ว นั่นคือเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง โดยวันนั้นพวกเขาแพ้ เรอัล เบติส ไป 0-1 ในช่วงเวลาปกติ แต่จากการที่สกอร์รวมเสมอกันทำให้มันต้องวัดกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ และ แฟร้งค์เฟิร์ต ก็มาได้ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของการต่อเวลาพิเศษ

    – ผลการแข่งขันของ แฟร้งค์เฟิร์ต ในถ้วย ยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้
    เสมอ เฟเนร์บาห์เช่ 1-1, ชนะ รอยัล อันท์เวิร์ป 1-0, ชนะ โอลิมเปียกอส 3-0, ชนะ โอลิมเปียกอส 2-1, เสมอ รอยัล อันท์เวิร์ป 2-2, เสมอ เฟเนร์บาห์เช่ 1-1, ชนะ เรอัล เบติส 2-1, เสมอ เรอัล เบติส 1-1 (เล่นถึงต่อเวลาพิเศษ), เสมอ บาร์เซโลน่า 1-1, ชนะ บาร์เซโลน่า 3-2, ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1, ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0, เสมอ เรนเจอร์ส 1-1 (ชนะช่วงดวลจุดโทษ)

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ ยูฟ่า คัพ ทำการเปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูโรปา ลีก นั้น นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ทีมซึ่งเริ่มเล่นรายการนี้ตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่มสามารถทำประตูได้ครบทุกนัด โดยทีมแรกที่ทำอย่างนั้นได้คือ เชลซี เมื่อฤดูกาล 2018-19 นั่นเอง

     
    – เด็กเกร็ดบอล –