เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า" ในวันที่โลกนี้ ไม่มีผู้ชายที่ชื่อ ดีเอโก้ มาราโดน่า ใช้ชีวิตอยู่อีกต่อไป และความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยสร้างชื่อไว้ จะไม่มีวันเลือนหายไปอย่างแน่นอน     ดีเอโก้ มาราโดน่า คือยอดนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวเตะอันดับหนึ่งของโลก      เขาพาทีมชาติอาร์เจนติน่า ครองแชมป์โลกเมื่อปี 1986 ฟอร์มโดดเด่นกับ บาร์เซโลน่า และปลุกเสก นาโปลี ขึ้นเบอร์หนึ่ง กัลโช่ เซเรีย อา ได้ถึง 2 สมัย     ซึ่ง มาราโดน่า ไม่ได้เป็นแค่ยอดนักเตะของ อาร์เจนติน่า เท่านั้น แต่ยังเป็นยอดนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา     ความสำเร็จของ มาราโดน่า ย่อมปูทางไว้ให้คนรุ่นหลังเลือด ฟ้า-ขาว ได้เดินตาม แน่นอนว่ามีผู้เล่นหลายคนเคยได้รับการยกย่องว่าจะก้าวขึ้นมาเทียบชั้น "เสือเตี้ย" อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ไม่อาจต้านแรงเสียดทานความคาดหวังได้ แต่ก็มีบางรายที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวของตัวเอง แม้จะไม่ได้ถึงขั้น มาราโดน่า ก็ตาม     ในลิสต์รายชื่อนี้ คือการรวบรวมบรรดาผู้เล่นที่ได้รับฉายา "นิว […]


เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

ในวันที่โลกนี้ ไม่มีผู้ชายที่ชื่อ ดีเอโก้ มาราโดน่า ใช้ชีวิตอยู่อีกต่อไป และความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยสร้างชื่อไว้ จะไม่มีวันเลือนหายไปอย่างแน่นอน

    ดีเอโก้ มาราโดน่า คือยอดนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวเตะอันดับหนึ่งของโลก 

    เขาพาทีมชาติอาร์เจนติน่า ครองแชมป์โลกเมื่อปี 1986 ฟอร์มโดดเด่นกับ บาร์เซโลน่า และปลุกเสก นาโปลี ขึ้นเบอร์หนึ่ง กัลโช่ เซเรีย อา ได้ถึง 2 สมัย

    ซึ่ง มาราโดน่า ไม่ได้เป็นแค่ยอดนักเตะของ อาร์เจนติน่า เท่านั้น แต่ยังเป็นยอดนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา

    ความสำเร็จของ มาราโดน่า ย่อมปูทางไว้ให้คนรุ่นหลังเลือด ฟ้า-ขาว ได้เดินตาม แน่นอนว่ามีผู้เล่นหลายคนเคยได้รับการยกย่องว่าจะก้าวขึ้นมาเทียบชั้น "เสือเตี้ย" อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ไม่อาจต้านแรงเสียดทานความคาดหวังได้ แต่ก็มีบางรายที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวของตัวเอง แม้จะไม่ได้ถึงขั้น มาราโดน่า ก็ตาม

    ในลิสต์รายชื่อนี้ คือการรวบรวมบรรดาผู้เล่นที่ได้รับฉายา "นิว มาราโดน่า" ไล่ตั้งแต่คนแรกจนถึงคนสุดท้าย จะมีใครบ้างไปดูกันได้เลย

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

ภาพจาก : https://wanderersfutbol.wordpress.com/ 

    – ดีเอโก้ ลาตอร์เร่

    ให้หลังจากที่ ดีเอโก้ มาราโดเน่ ส่ง อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลก เมื่อปี 1986 สื่อต่างๆ ก็คาดหวังว่าจะมีทายาทของ "เสือเตี้ย" มาสืบทอด

    ผู้ชายคนแรกที่ได้รับการถูกเลือกคือ ดีเอโก้ ลาตอร์เร่ ที่อายุน้อยกว่า มาราโดน่า 9 ปี

    วามเหมือนกันของทั้งสองคน มีตั้งแต่รูปร่างลักษณะ โครงสร้างร่างกาย รวมไปถึงสวมหมายเลขเดียวกันสีเสื้อ โบคา จูเนียร์

    สไตล์การเล่นของ ลาตอร์เร่ พา "ฟ้า-ขาว" ประสบความสำเร็จใน โกปา อเมริกา เมื่อปี 1991 จนได้รับความสนใจจากทีมในยุโรป ซึ่งตอนนั้นถือว่า ลาตอร์เร่ พุ่งเข้าสู่แสงสปอตไลท์ได้อย่างรวดเร็ว

    ปี 1992 ฟิออเรนติน่า บรรลุข้อตกลงคว้าตัว ลาตอร์เร่ พร้อมๆ กับคู่ขาของเขาในทีมโบคา จูเนียร์ นั่นคือ กาเบรียล บาติสตูต้า

    อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้แฟนบอลม่วงมหากาฬจดจำ บาติสตูต้า ในฐานะ ตำนานคนหนึ่งของทีม แต่ขณะที่ ลอตอร์เร่ เหมือนเป็นเพียงแค่สัญญหาหน้ากระดาษ

    บาติสตูต้า ก้าวไปเป็นยอดนักเตะที่ดีที่สุดของ ฟิออเรนติน่า ส่วน ลาตอร์เร่ นั้นกลับได้ใช้เวลาที่ ฟลอเรนซ์ แค่เพียงปีเดียว ก่อนจะย้ายไป เตเนริเฟ่ ในประเทศสเปน

     จากนั้นชีวิตของ ลาตอร์เร่ ก็ค่อยๆ ถอยหลังลง เขาใช้เวลา 13 ปีโลดแล่นหากินกับเกมฟุตบอล โดยการย้ายทีมแต่ละครั้ง แทบไม่มีเรื่องอะไรให้น่าตื่นเต้นอีกเลย

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

    – อาเรียล ออร์เตก้า

    หลังความล้มเหลวของ ลาตอร์เร่ ทั้งแฟนบอล และสื่อต่างๆ ก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นกับการยกย่องผู้เล่นที่จะนำไปเปรียบเทียบกับ มาราโดน่า แต่เด็กหนุ่มที่ชื่อ อาเรียล ออร์เตก้า ฉายแสงขึ้นมาจนยากเกินกว่าที่จะเพิกเฉย

    ออร์เตก้า ไม่เพียงแต่มีสไตล์การเล่นคล้ายกับ มาราโดน่า เท่านั้น แต่เขายังมีบุคลิกส่วนตัวที่คล้ายกับแข้งรุ่นพี่ที่แก่กว่าเขา 14 ปี

    ในขณะที่ มาราโดน่า ยังรักษาฟอร์มปีศาจให้อยู่กับตัวเองได้ แต่ ออร์เตก้า กลับทำไม่ได้แบบนั้น เส้นทางชีวิตของ ออร์เตก้า ได้รับผลกระทบจากโรคพิษสุราเรื้อรัง 

    หลังร่ายมนต์สะกดคนดูในสีเสื้อ ริเวอร์ เพลท จนเป็นที่รู้จักในชื่อ "El Burrito" เขาได้รับข้อเสนอก้อนโตจากสโมสรบาเลนเซีย ในลา ลีกา สเปน 

    ทว่า ออร์เตก้า ใช้เวลาเล่นในถิ่น เมสตาย่า ได้ไม่นาน เพราะเทรนเนอร์อย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ไม่ปลื้มทัศนคติของเขาสักเท่าไหร่ จากนั้น ออร์เตก้า ก็ข้ามฟากมาเล่นใน อิตาลี โดยมี ซามพ์โดเรีย ให้การต้อนรับ แล้วสถานีต่อมาก็คือ ปาร์ม่า และทั้งสองทีมนี้ ออร์เตก้า ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่

    จนท้ายสุด ออร์เตก้า ย้ายกลับบ้านเกิดมาเล่นให้ ริเวอร์เพลท อีกครั้งเพื่อชดใช้หนี้ที่คงค้างอยู่

    ปี 2002 ออร์เตก้า กลับไป ยุโรป หนที่สอง คราวนี้มาอยู่กับ เฟเนร์บาเช่ แม้จะเริ่มต้นได้สวยงามกับที่นี่ แต่เขากลับตัดสินใจว่าดินแดนไก่งวงไม่ได้เป็นที่ที่เหมาะสมกับตัวเองสักเท่าไหร่ 

    นับตั้งแต่ ออร์เตก้า แจ้งเกิดกับฟุตบอลอาร์เจนติน่า แฟนบอลส่วนใญ่จดจำเขาเฉพาะยามเล่นในนามทีมชาติเท่านั้น เส้นทางของเขากับทีมชาติเริ่มต้นตอนอายุแค่ 17 ปี นั่นคือสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าจริงๆ แล้วพรสวรรค์ของ ออร์เตก้า มีมากแค่ไหน 

    และภาพจำของใครหลายคน คือชอตที่ ออร์เตก้า เอาหัวโขกใส่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ในศึกฟุตบอลโลก ฟร้องซ์'98 รอบก่อนรองชนะเลิศ

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

    – มาร์เซโล่า กัลลาร์โด้

    ไม่นานนักหลังจากที่ ออร์เตก้า บินไปเล่นใน ยุโรป อะคาเดมี่ ของ ริเวอร์เพลท ก็ถือกำเนิดเพลย์เมคเกอร์ที่มีความคล้ายคลึง มาราโดน่า

    แม้จะมีรูปร่างที่เตี้ย และค่อนข้างท้วมตัน แต่เทคนิคของ มาร์เซโล่ กัลลาร์โด้ โดดเด่นสุดๆ จนไม่อาจเพิกเฉยต่อการเปรียบเทียบกับดาวเตะรุ่นพี่ ซึ่งบางครั้งดูเหมือนว่าการเล่นของ กัลลาร์โด้ จะดีกว่า มาราโดน่า ด้วยซ้ำไป

    "El Muñeco" ร่ายมนต์สะกดบนเวทีฟุตบอลยุโรป กับ โมนาโก ในช่วงแรก ก่อนจะหยุดชะงักในยุคของ ดีดิเย่ร์ เดอส์ชองส์

    กัลลาร์โด้ กลับมาพักใจกับ ริเวอร์เพลท ช่วงสั้นๆ ก่อนจะบินไปเล่น ลีก เอิง อีกครั้ง กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง แต่ก็ไม่วายก็เกิดปัญหาจนทำให้อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน

    ปี 2008 กัลลาร์โด้ ย้ายซบ ดีซี ยูไนเต็ด ใน เมเจอร์ลีก สหรัฐฯ และเป็นผู้เล่นที่ได้รับค่าจ้างแพงสุดลำดับ 3 ของลีก 

    การย้ายมาเล่นในถิ่นเมืองลุงแซมของ กัลลาร์โด้ ได้รับการเชิดชูว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ เมเจอร์ลีก ด้วยการใช้คำว่า "นิว มาราโดน่า" เป็นตัวดึงดูดความสนใจ

    อย่างไรก็ตาม กัลลาร์โด้ ได้รับบาดเจ็บกับการเล่นที่ อเมริกา และเขากลับไป ริเวอร์เพลท อีกรอบ และปิดฉากเส้นทางอาชีพกับ นาซิอองนาล ใน อุรุกวัย เมื่อปี 2011 และเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการทีม จนพา นาซิอองนาล คว้าแชมป์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรกที่คุมบังเหียน

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

    ฮวน โรมัน ริเกลเม่

    ทั้ง ฮวน โรมัน ริเกลเม่ และ ดีเอโก้ มาราโดเน่ มีเส้นทางอาชีพที่คล้ายกันมาก แต่ก็มีหลายอย่างที่แตกต่างกัน

    ขณะที่ มาราโดน่า รูปร่างเตี้ย และมีนิสัยดุ ริเกลเม่ กลับรูปร่างสูง และดูสง่างาม

    ขณะที่ มาราโดน่า มักจะมีออร่าดึงดูดให้คนเข้ามาสนใจ แต่ ริเกลเม่ กลับเป็นคนค่อนข้างเงียบ และสันโดษ

    ทว่าการย้ายจาก โบคา จูเนียร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่ บาร์เซโลน่า คือเรื่องเดียวที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน

    ที่ บาร์เซโลน่า ริเกลเม่ ตกอยู่ใต้ร่มเงาของ โรนัลดินโญ่ ก่อนที่เขาจะย้ายไปโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ บียาร์เรอัล แล้วเซ็นสัญญากับ "เยลโล่ ซับมารีน" เป็นการถาวร และหลังจากอยู่ที่นี่ 4 ปีเขาก็ย้ายไปอยู่กับ โบคา จูเนียร์ คำรบสอง จนพาทีมยึดครองความยิ่งใหญ่ในลีกอาร์เจนฯ และอเมริกาใต้ได้อีกครั้ง

    แม้ว่า ริเกลเม่ จะไม่ได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดอย่างที่หลายคนคาดหวังเอาไว้ แต่ก็นับว่า ริเกลเม่ ประสบความสำเร็จกับเส้นทางอาชีพลูกหนัง

    เขาเป็นที่จดจำของแฟนบอล บียาร์เรอัล และ โบคา จูเนียร์ โดยที่สโมสรดังแห่งแดน "ฟ้า-ขาว" ได้สร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ริเกลเม่ ซึ่งถือว่าเป็นผู้เล่นคนที่สองที่ได้รับเกียรติ 

    ส่วนคนแรกน่ะเหรอ… ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก… ดีเอโก้ มาราโดน่า นั่นเอง

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

    ปาโบล ไอมาร์

    อดีตเด็กเทพของเกมฟุตบอลดัง Championship Manager 01-02 แต่กลับมีเส้นทางอาชีพบนชีวิตจริงที่ไม่เฉิดฉายยาวนานเท่าไหร่

    ตอนที่ ปาโบล ไอมาร์ ย้ายเข้าสู่ บาเลนเซีย เขาคือนักเตะดาวโรจน์ที่มีทุกอย่างเหมือนที่ มาราโดน่า มี ไม่ว่าจะความเร็ว, ความฉลาด และการครองบอล

    จริงๆ แล้วการเริ่มต้นอาชีพของ ไอมาร์ บนแผ่นดินยุโรป นับว่าประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือน "นิว มาราโดน่า" คนอื่นๆ ก่อนหน้านี้

    ไอมาร์ พา "ไอ้ค้างคาว" คว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย และพาทีมเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ได้อีก 1 ครั้ง

    อย่างไรก็ตาม เส้นทางอาชีพของ ไอมาร์ ต้องมาสะดุดจากอาการบาดเจ็บที่เข้ามาเล่นงาน และโรคต่างๆ ที่เข้ามารุมเร้าจนทำให้เขาหลุดฟอร์มไปแบบรวดเร็ว

    ปี 2008 ไอมาร์ ย้ายไปอยู่ เบนฟิก้า และพยายามจะตั้งต้นใหม่ที่ดินแดนฝอยทอง ซึ่งมี ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า เพื่อนชาวอาร์เจนไตน์ อยู่ที่นี่อีกหนึ่งคน

    เคมีระหว่าง ไอมาร์ กับ ซาบิโอล่า เข้ากันดีจนพา "เหยี่ยวลิสบอน" คว้าแชมป์ลีกในปี 2009 และได้กลับไปเล่นเวทียุโรป ถ้วยใหญ่ได้อีกครั้ง

    ไอมาร์ ถูกจดจำในฐานะนักเตะที่ฉายแสงขึ้นมาวูบเดียว แล้วหายไปในพริบตา

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

    ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า 

    อดีตผู้เล่นคนต่อไปคือคนที่แฟนบอลส่วนใหญ่คุ้นเคย เพราะเขาก้าวขึ้นมาเก่งกาจได้อย่างรวดเร็วในศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี

    ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า เป็นกองหน้าที่ถูกนำไปเทียบเคียงกับ มาราโดน่า ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งแฟนๆ และสื่อต่างๆ พากันคาดว่าเขาจะแกนหลักของทีมชาติอาร์เจนติน่า ไปอีกหลายปี

    ปี 2001 "El Conejo" หรือฉายาเจ้ากระต่ายน้อย ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า หลังโชว์ฟอร์มยิงระเบิดให้กับ ริเวอร์เพลท ซัดไป 45 ลูก จาก 86 นัด และได้รับรางวัลแข้งอเมริกาใต้แห่งปีตอนอายุแค่ 18 ปี

    ซาบิโอล่า เริ่มต้นได้อย่างมีความสุขกับ บาร์ซ่า ในปีแรกเขายิงได้ถึง 21 ประตู ซึ่งตลอดการเล่นให้ "เจ้าบุญทุ่ม" สามปีนั้น เขามีค่าเฉลี่ยยิงประตูได้ถึง 20 ลูกต่อ 1 ฤดูกาล

    แน่นอนว่ามันยากมากที่จะบอกว่าเขาล้มเหลวกับ บาร์เซโลน่า แต่ ซาบิโอล่า กลับกลายเป็นส่วนเกินของทีม เพื่อหลีกทางให้กับ ซามูเอล เอโต้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีโควตานักเตะนอกอียูจำนวนจำกัด

    ซาบิโอล่า ถูกปล่อยยืมไปยัง โมนาโก และจากนั้นก็ซบ เซบีย่า จนเมื่อหมดสัญญา หลายทีมมองว่าเขายังมีศักยภาพที่จะโลดแล่นระดับสูง จนได้ย้ายไปอยู่ เรอัล มาดริด เป็นเวลา 2 ปี

    แล้วหลังจากเล่นในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เขาก็ย้ายไปผนึกกำลังกับ ปาโบล ไอมาร์ ที่ เบนฟิก้า จนพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุด อย่างที่กล่าวไปในคนที่แล้ว

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

    คาร์ลอส มาริเนลลี่

    อาจฟังดูแปลกว่าทำไม "นิว มาราโดน่า" ถึงเริ่มต้นค้าแข้งอาชีพกับ มิดเดิลสโบรส์ สโมสรระดับกลางๆ ของ อังกฤษ ณ ขณะนั้น

    ความเชื่อมโยงเล็กน้อยคือการที่ คาร์ลอส มาริเนลลี่ เป็นคนอาร์เจนไตน์ แล้วถูกเซ็นสัญญามาจาก โบคา จูเนียร์ และลงเล่นในตำแหน่งเดียวกันกับ มาราโดน่า ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว มาร์เนลลี่ เองไม่เคยใกล้เคียงกับคำว่า "นิว มาราโดน่า" เลย

    แฟนๆ โบโร่ คือผู้อยู่เบื้องหลังหลังจากได้อิ่มเอมกับ จูนินโญ่ ดาวเตะร่างจิ๋วชาวแซมบ้า ซึ่งการที่ทีมได้ดาวเตะจากละตินมาร่วมทีมอีกคน ก็ทำให้พวกเขาอดคิดไม่ได้ถึงความตื่นเต้นที่รออยู่

    ตลอด 3 ปีกับ "สิงห์แดง" มาริเนลลี่ ลงเล่นไป 43 นัด และยิงได้แค่ 3 ประตู นั่นก็เพียงพอที่เขาไม่สามารถอยู่กับทีมได้นานกว่านี้อีกแล้ว

    มาริเนลลี่ พยายามตั้งต้นใหม่ แต่ก็ล้มเหลว ทั้งใน อิตาลี, โปรตุเกส, เมเจอร์ลีก, โคลอมเบีย, ฮังการี หรือแม้แต่ลีกระดับสองของบ้านเกิดก็ตาม

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

     อันเดรส ดาเลสซานโดร

    ขณะที่สื่อทางตอนเหนือต่างยกย่อง คาร์ลอส มาริเนลลี่ ว่าเป็น "นิว มาราโดน่า" แต่ทาง ลอนดอน ก็มี อันเดรส ดาเลสซานโดร เชิดหน้าชูตา

    ดาเลสซานโดร เคยใช้เวลา 2 สัปดาห์ที่ฝึกซ้อมกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตอนยุคของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ เมื่อปี 2001 ก็สุดท้ายเขาไม่ได้ไปต่อ จนต้องกลับไป ริเวอร์เพลท เพื่อพัฒนาฝีเท้าตัวเองเพิ่มอีก

    จนในที่สุด "El Cabezon" ย้ายไปอยู่กับ โวล์ฟสบวร์ก แห่งศึก บุนเดสลีกา ในปี 2003 ด้วยค่าตัว 9 ล้านยูโร และประสบความสำเร็จกับที่นี่

    อย่างไรก็ตาม เร้ดแนปป์ ที่เคยปฏิเสธตอนนั้น ยังคงเห็นแววในตัว ดาเลสซานโดร และติดต่อไปยังแข้งอาร์เจนไตน์ เพื่อยืมตัวมาช่วย พอร์ทสมัธ หนีตกชั้น เมื่อเดือนมกราคม ปี 2006

    ดาเลสซานโดร ทำผลงานระดับสุดยอด รวมถึงทำประตูในสไตล์เดียวกับ มาราโดน่า ใส่ ชาร์ลตัน ก่อนจะย้ายไป ซาราโกซ่า ใน ลา ลีกา สเปน เวลาต่อมา

    แต่การย้ายมาเล่นในดินแดนกระทิงดุ เหมือนเป็นการค่อยๆ ถอยหลังลงของ ดาเลสซานโดร เขาเจอปัญหากับการที่ต้นสังกัดตกชั้นในปี 2008 แล้วตัวเองก็แพ็คกระเป๋าหนีทีมกลับบ้านเกิดใน อาร์เจนติน่า แล้วจากนั้นก็ไปเล่นลีก บราซิล กับ อินเตอร์นาซิอองนาล และประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ แชมป์ลีก 6 สมัย และ แชมป์โกปา ลิเบอร์ตาโดเรส 1 ครั้ง

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

     คาร์ลอส เตเบซ

    มาถึงชื่อที่คุ้นหูกันมากขึ้น

    คาร์ลอส เตเบซ มีทุกอย่างที่เหมือนกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ทุกอย่าง

    ทั้งคู่มีรูปร่างเตี้ย แต่โครงสร้างแข็งแรงเหมือนกัน แถมยังมาจาก โบคา จูเนียร์ เช่นกันอีก เท่านั้นไม่พอ หัวจิตหัวใจของ เตเบซ และ มาราโดน่า ก็ไม่เป็นสองรองใคร

    สิ่งที่เพิ่มเติมจากตัว เตเบซ คือการที่เขาก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ลงเล่นด้วยการทำงานหนัก ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย 

    เตเบซ และ มาราโดน่า มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถึงแม้ฝ่ายแรกจะไม่ได้มีพรสวรรค์เทียบเท่ากับรายหลัง แต่ เตเบซ ก็มีเส้นทางอาชีพที่ดีด้วยการเป็นตัวของตัวเอง

เปิดลิสต์นักเตะเคยเป็น "นิว มาราโดน่า"

    ลิโอเนล เมสซี่ 

    หากจะนึกถึงทายาทของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ได้สมบูรณ์แบบที่สุด ชื่อของ ลิโอเนล เมสซี่ คือคนที่ตอบข้อสงสัยนั้นได้อย่างชัดเจน

    ถึงแม้ เมสซี่ จะไม่เคยลงเล่นในลีกประเทศบ้านเกิด แต่สิ่งที่เขาทำให้กับ บาร์เซโลน่า คือความสุดยอดที่คงอยู่มาตลอด 15 ปี

    อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่เป็นจุดด่างพร้อยของ เมสซี่ คือการที่เขายังไม่สามารถพาทีมชาติอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกได้เลย เหมือนอย่างที่ดาวเตะผู้ล่วงลับเคยทำได้

    รายชื่อคนอื่นๆ ที่ติดในลิสต์นี้

    – เซร์คิโอ อเกวโร่

    – อเซเกล ลาเวซซี่

    – เมาโร ซาราเต้

    – ดีเอโก้ บัวนาน็อตเต้

    – ดีเอโก้ ซิเนกร้า

HOSSALONSO

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *