ไม่ได้แค่ ลิเวอร์พูล! ทีม-นักกีฬาที่ต้องอดทนรอสร้างประวัติศาสตร์หลังโควิด-19 ระบาด

ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายการกีฬาหลายรายการต้องโดนสั่งพักการแข่งขันเป็นการชั่วคราว ขณะที่บางรายการถึงกับต้องโดนเลื่อนออกไปเลย แม้กระทั่ง โอลิมปิก เกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นเจ้าภาพ ยังยอมเลื่อนไปแข่งกันในปีหน้าแทน ทั้งที่ตอนแรกยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจะยังแข่งกันในช่วงกลางปีนี้

    สำหรับคอบอลนั้น ประเด็นเกี่ยวข้องจากการพักการแข่งขันที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเป็นลำดับแรกๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องเส้นทางสู่การเป็นแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 30 ปีของ ลิเวอร์พูล เพราะที่จริงก่อนที่จะโดนสั่งพักการแข่งขัน "หงส์แดง" จวนที่จะการันตีแชมป์ได้อยู่แล้ว จากการที่ขออีกแค่ 6 คะแนน แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งรอต่อไปพร้อมกับลุ้นว่าเมื่อไหร่ พรีเมียร์ลีก ถึงจะกลับมาฟาดแข้งกันได้

    อย่างไรก็ตาม ถ้ามองไปถึงวงการกีฬาอื่นๆ แล้วนั้น มันก็มีทีมและคนที่ตอนแรกกำลังมีลุ้นจะสร้างประวัติศาสตร์ในปีนี้ แต่สุดท้ายต้องอดทำอย่างนั้นเพราะปัญหาของเชื้อโควิด-19 เหมือนกัน และวันนี้เราจะมายกตัวอย่างที่เด่นๆ ถึง 3 ราย

    – มิลวอคกี้ บัคส์ (บาสเกตบอล)
    ในประวัติศาสตร์ของ มิลวอคกี้ บัคส์ ที่ก่อตั้งทีมเมื่อปี 1968 แล้วนั้น พวกเขาได้สัมผัสกับแชมป์ เอ็นบีเอ เพียงแค่สมัยเดียว นั่นคือเมื่อฤดูกาล 1970-71 หรือถ้าคิดเป็นจำนวนปีมันก็หมายความว่าพวกเขาห่างเหินจากแชมป์ เอ็นบีเอ มาเป็นเวลา 49 ปีเข้าไปแล้ว นานกว่า ลิเวอร์พูล ซะด้วยซ้ำ

    ทั้งนี้ เหล่าสาวก บัคส์ มีลุ้นที่จะยุติช่วงเวลาการร้างแชมป์ได้ตั้งแต่ฤดูกาลก่อน จากการที่พวกเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมภายใต้การนำของ ยานนิส อันเทโทคุมโป้ ฟอร์เวิร์ดชาวกรีซ ถึงขนาดเป็นที่ 1 ในฤดูกาลปกติของโซนตะวันออกด้วยผลงานชนะ 60 เกม แพ้ 22 นัด น่าเศร้าที่ในรอบเพลย์ออฟพวกเขาไปแพ้ โตรอนโต้ แร็พเตอร์ส ในรอบชิงแชมป์สาย จนทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

    อย่างไรก็ตาม บัคส์ ก็ไม่ท้อแท้ ในฤดูกาลนี้พวกเขายังคงโชว์ฟอร์มได้สุดยอดในฤดูกาลปกติ ด้วยการชนะไป 53 เกม และแพ้ 12 หน ทำให้พวกเขานำเป็นอันดับ 1 ในโซนตะวันออก และการันตีการเข้ารอบเพลย์ออฟไปแล้ว ซึ่งนั่นทำให้แฟนๆ บัคส์ หวังว่าฤดูกาลนี้พวกเขาจะได้สัมผัสกับแชมป์ เอ็นบีเอ เป็นครั้งที่ 2 สักที แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องร้องเพลงรอต่อไปก่อน

    – เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ (เทนนิส)
    วิลเลี่ยมส์ คนน้อง ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักเทนนิสหญิงที่เก่งที่สุดตลอดกาล ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมและความสำเร็จมากมายก่ายกองคือสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าพอถึงเวลาที่เธอต้องแขวนแร็กเกตแล้วนั้น เธอก็จะได้เป็นหนึ่งในคนที่เข้าสู่หอเกียรติยศของวงการเทนนิสแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม แร็กเกตวัย 38 ปี ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่หวังจะทำให้ได้ นั่นคือการทาบสถิติการได้แชมป์ประเภทเดี่ยวในรายการระดับ แกรนด์สแลม มากที่สุดตลอดกาลของฝั่งหญิง โดยสถิติดังกล่าวเป็นของ มาร์กาเร็ท คอร์ท ยอดนักเทนนิสหญิงชาวออสซี่ที่ได้แชมป์ประเภทเดี่ยวในรายการระดับ แกรนด์สแลม ถึง 24 หน ขณะที่ เซเรน่า ขอแค่ได้แชมป์ประเภทเดี่ยวของรายการระดับ แกรนด์สแลม อีกแค่ 1 รายการ มันก็จะทำให้เธอทาบสถิติดังกล่าวได้แล้ว

    ทั้งนี้ แชมป์ประเภทเดี่ยวในรายการระดับแกรนด์สแลมครั้งล่าสุดของ วิลเลี่ยมส์ คนน้อง ต้องย้อนไปถึงศึกออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อปี 2017 โดยที่จริงหลังจากนั้นเธอเข้ารอบชิงดำในรายการระดับ แกรนด์สแลม ได้อีกถึง 4 หน ประกอบด้วย วิมเบิลดัน ในปี 2018 กับ 2019 และ ยูเอส โอเพ่น ในปี 2018 กับ 2019 เช่นกัน แต่เธอก็ต้องอกหักทั้ง 4 ครั้งนั้น

    ด้วยอายุที่มากขึ้น โอกาสที่ วิลเลี่ยมส์ คนน้อง จะทาบสถิตินั้นได้มันก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ และสุดท้ายแล้วเธออาจจะต้องอดทาบสถิติอันยิ่งใหญ่ทั้งที่ขอแค่ได้แชมป์อีกเพียง 1 หนเท่านั้นก็ได้

    – ราฟาเอล นาดาล (เทนนิส)
    นอกจาก วิลเลี่ยมส์ คนน้องแล้วนั้น นาดาล ก็เป็นอีกคนที่ตอนแรกหมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างประวัติศาสตร์ในปีนี้ เขากำลังไล่ล่าสถิติการได้แชมป์ประเภทเดี่ยวในรายการระดับ แกรนด์สแลม มากที่สุดตลอดกาลในฝั่งผู้ชายของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อยู่ เพราะ นาดาล ได้ไปแล้ว 19 รายการ ส่วนของ เฟเดอเรอร์ อยู่ที่ 20 สมัย

    ที่จริงตอนแรกมีการคาดกันว่า นาดาล น่าจะทาบสถิตินั้นได้แบบสบายๆ เมื่อถึงศึก เฟร้นช์ โอเพ่น เพราะ นาดาล คือคนที่เล่นบนคอร์ทดินได้ยอดเยี่ยมมากๆ จนได้รับฉายาว่า "ราชาคอร์ทดิน" แถมเขายังเป็นนักเทนนิสชายที่ได้แชมป์ประเภทเดี่ยวในศึก เฟร้นช์  โอเพ่น เยอะที่สุดตลอดกาล ที่จำนวน 12 สมัยด้วย

    ถึงกระนั้น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มันก็ส่งผลให้ศึก เฟร้นช์ โอเพ่น โดนเลื่อนจากเดิมระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม ถึงวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ไปเป็นระหว่างวันที่ 20 กันยายน ถึงวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ซึ่งมันก็ทำให้ในปีนี้ เฟร้นช์ โอเพ่น จะไม่ได้เป็นศึกระดับ แกรนด์สแลม ลำดับที่ 2 ของปีเหมือนกับทุกที แต่จะเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับ แกรนด์สแลม รายการสุดท้ายของปีนี้ด้วย

    หลายคนอาจจะบอกว่า นาดาล ค่อยรอไปทาบสถิติตอนนั้นก็ได้ แต่การที่ เฟร้นช์ โอเพ่น โดนเลื่อนไปแข่งกันในช่วงปลายปี มันทำให้มีโอกาสที่ เฟเดอเรอร์ จะฉีกหนีเขาได้ซะก่อน เพราะก่อนหน้านั้นมันจะมีศึก วิมเบิลดัน (ตามกำหนดการแข่งกันระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน ถึงวันที่ 6 กรกฎาคมนี้) กับ ยูเอส โอเพ่น (แข่งกันระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึงวันที่ 7 กันยายนนี้) ให้ลงเล่น และ เฟเดอเรอร์ ก็อาจจะซิวแชมป์ในรายการเหล่านั้นได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะต้องพักเพราะมีอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่าก็ตาม

    ก็คงได้แต่หวังว่าเชื้อโควิด-19 จะหยุดระบาดได้ในอนาคตอันใกล้ เพื่อที่ ลิเวอร์พูล รวมถึงทีมกับนักกีฬาเหล่านี้จะได้มีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ได้ในปีนี้ รวมถึงทำให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติได้ด้วย

– เด็กเกร็ดบอล –