โอกาสเฮนเดอร์สัน, เรือกระสันทุบสถิติ! 5 ประเด็นร้อนก่อนศึกผ่าเมืองแมนซิตี้ปะทะแมนยู

คู่เอกของพรีเมียร์ลีกคืนวันนี้คงหนีไม่พ้นศึกผ่าเมืองแมนเชสเตอร์เมื่อจ่าฝูง “เรือใบสีฟ้า” เตรียมต้อนรับการมาเยือนของคู่อริร่วมเมืองอย่าง “ปีศาจแดง” นี่อาจจะเป็นแมตช์ตัดสินว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีความหวังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่อีกหรือไม่ การปะทะกันของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ครั้งที่สามของซีซั่นผลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามกันแต่เรามาลั่นกลองรบด้วยประเด็นที่น่าสนใจกันก่อนเลย

1.ดีนกับบทพิสูจน์เกมใหญ่

    ดาบิด เด เคอา พลาดลงเฝ้าเสาในเกมล่าสุดที่เสมอ คริสตัล พาเลซ ซึ่งตอนหลัง โซลชา มาเฉลยแล้วว่า นายทวารวัย 30 ปี ได้เดินทางกลับไปสเปน เพื่อเฝ้าแฟนสาวที่กำลังจะคลอดลูก และได้รับอนุญาตให้อยู่ที่แดนกระทิงดุจนกระทั่งเสร็จสิ้นเกมพักเบรกทีมชาติในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้เลย

    นี่จึงกลายเป็นโอกาสสำคัญในการพิสูจน์ตัวเองของนายด่านมือสองอย่าง ดีน เฮนเดอร์สัน ที่ฤดูกาลนี้ลงเล่นในฟุตบอลถ้วยเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เกมล่าสุดกับ พาเลซ ถือเป็นเพียงนัดที่ 4 ที่ลงเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ผลงานโดยรวมของเขาถือว่าน่าพอใจ เก็บคลีนชีททั้งหมด 9 นัดจากการลงเล่น 14 เกมรวมทุกรายการ แม้จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างแต่มือกาวรายนี้พัฒนาขึ้นมามากทีเดียวและเชื่อว่ามีแฟนผีบางคนอยากให้เขาลงเล่นอย่างต่อเนื่อง

    เจ้าตัวยืนยันชัดเจนก่อนเริ่มฤดูกาลนี้ว่าจะกลับมาแย่งมือหนึ่งที่สโมสรหลังจากถูกปล่อยยืมตัวให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เป็นเวลา 2 ปี และหลังจากนี้อีก 6 นัดเขาจะลงทำหน้าที่เป็นมือ 1 แบบสมใจอยาก แต่เริ่มจากศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ซึ่งถือว่าความกดดันมีมากทีเดียว รอดูกันว่าจิตใจของเขาจะแข็งแกร่งพอเป็นมือหนึ่งให้กับทีมได้หรือไม่

2.บรูโน่ vs เดอ บรอยน์ ภาค 3

    สองนักเตะผู้เป็นคีย์แมนของทั้งสองทีมโคจรมาพบกันครั้งที่ 3 ในซีซั่นนี้ โดย บรูโน่ แฟร์นันด์ นั้นยิงไปทั้งหมด 15 ประตูและทำ 11 แอสซิสต์ ในฤดูกาลนี้ซึ่งถือว่าสุดยอดมากๆสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง ขณะที่ เดอ บรอยน์ นั้นยังคงความยอดเยี่ยมด้วยการทำแอสซิสต์เท่ากันที่ 11 ครั้งแต่ในเรื่องการทำประตูนั้นยังเป็นรองมาก (3 ประตู) 

    อย่างไรก็ตามมันอาจจะไม่แฟร์เท่าไหร่นักเมื่อนำผลงานมาเทียบกันเนื่องจากในรายของ เควิน เดอ บรอยน์ นั้นพลาดโอกาสลงสนามเกือบหนึ่งเดือนเต็มหลังได้รับบาดเจ็บช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ มิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกส ลงครบทุกแมตช์ในลีกฤดูกาลนี้

    แม้สถิติ บรูโน่ จะดีกว่าแต่คืนนี้เป็นอีกครั้งที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองเนื่องจากผลงานของเขาในการเจอกับบิ๊กซิกซ์ที่ผ่านมาน่าผิดหวังหลายเกมหลังทำแค่ประตูเดียวเท่านั้นและยังไม่ได้แอสซิสต์เลย ขณะที่ เดอ บรอยน์ ทำไปแล้ว 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ ทั้งที่พลาดถึง 3 แมตช์ในการพบกลุ่มบิ๊กซิกซ์ ต้องรอดูกันว่าคีย์แมนทั้งสองจะทำผลงานได้ดีแค่ไหนซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในเกมคืนนี้

3.ปัญหาเกมรุก “ผีแดง”

    นับตั้งแต่ “ผีแดง” ขยับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงเมื่อเดือนมกราคม ผลงานก็กระท่อนกระแท่นพอสมควร อาจเป็นเพราะทีมชุดนี้ยังมีนักเตะที่มีประสบการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกน้อยเกินไป พวกเขาพ่ายแพ้ต่อความกดดันมหาศาล การแพ้คาบ้านต่อบ๊วยอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หรือการชวดคว้าชัยสุดเจ็บช้ำในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เป็นหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจน

    5 นัดหลังสุดในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บผลเสมอไป 4 นัด โดยเฉพาะ 2 นัดหลังสุดที่ปืนฝืดยิงคู่แข่งไม่ได้เลย เห็นไดัชัดว่าช่วงหลังมานี้คุณภาพเกมรุกของทีมตกลงน่าใจหาย แล้วอะไรคือต้นตอของปัญหานี้? ส่วนหนึ่งคือสไตล์การเล่นของนักเตะ ตัวอย่างเช่น อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าที่ยิงถึง 17 ประตูในลีกเมื่อซีซั่นก่อน กลับทำผลงานน่าผิดหวังหลังยิงแค่ 4 ลูกในฤดูกาลนี้ แถมฟอร์มในสนามทำแฟนผีกุมขมับไม่ว่าจะเป็นจังหวะสุดท้ายที่ขาดๆเกินๆหรือบางครั้งก็หายไปจากเกมดื้อๆ เช่นเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่แม้จะมีส่วนร่วมกับประตูเยอะแต่หลายครั้งที่เขาเล่นค่อนข้างทื่อ

    การขาด ปอล ป็อกบา เช่นกัน เจ้าตัวฟอร์มร้อนแรงมากนับตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมกราคม เมื่อเขาบาดเจ็บยาว ฟอร์มของทีมก็สะดุดบ่อยครั้ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งในเกมรุก แถมกองกลางที่มีอยู่อย่างเช่น เฟร็ด หรือ แม็คโทมิเนย์ ก็ไม่ได้เป็นตัวสร้างสรรค์เกมเท่าไหร่นัก ยิ่งเมื่อปีกขวายังเป็นปัญหาเรื้อรังอยู่นานแล้วด้วย เกมรุก “ผีแดง” ยิ่งอาการหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อคู่แข่งตามปิดตัวความหวังในเกมรุกอย่าง บรูโน่ ทุกอย่างก็จบ

    การเยือน แมนฯ ซิตี้ อาจจะเป็นเกมที่เข้าทาง “ผีแดง” เพราะว่าทีมเน้นตั้งรับและเล่นเกมสวนกลับตามที่ถนัด แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการจบสกอร์ของทีมด้วยซึ่งฤดูกาลการเยือน ลิเวอร์พูล, อารเซน่อล และเชลซี พวกเขาปล่อยโอกาสทองหลุดลอยไปหมดเลย ดังนั้นคืนนี้ โซลชา ต้องกำชับให้เกมรุกต้องกลับมาเข้าฟอร์มและปิดสกอร์ให้ได้เมื่อมีโอกาสไม่อย่างนั้นอาจน้ำตาตกได้

4.เรือลุ้นทุบสถิติอีก

    ความแกร่งของ “เรือใบสีฟ้า” ในตอนนี้มันเกินต้านทานจริงๆ พวกเขาคว้าชัยติดต่อกันถึง 21 นัดรวมทุกรายการซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดอันดับที่ 3 ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป โดยเป็นรองเพียงแค่ เรอัล มาดริด (ชนะ 22 นัด) และ บาเยิร์น มิวนิค (ชนะ 23 นัด) และพวกเขายังเก็บสถิติไร้พ่ายมาแล้ว 28 นัดติดต่อกันในทุกรายการอีกด้วย หากคืนนี้พวกเขาไม่ปราชัยคาบ้านก็จะทุบสถิติไร้พ่ายยาวนานสสูงสุดของสโมสร

    นอกจากนี้ทีมของ เป๊ป ยังมีสุดยอดสถิติด้วยการไม่เคยตกเป็นฝ่ายตามหลังแม้แต่นาทีเดียวใน 19 เกมลีกหลังสุดซึ่งเทียบเท่าสถิติสูงสุดในพรีเมียร์ลีกของ อาร์เซน่อล ที่เคยทำไว้ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 1998 – พฤษภาคม 1999 แน่นอนถ้าคืนนี้พวกเขาไม่เสียประตูก็จะทำลายอีกหนึ่งสถิติ

5.ผีสถิติดีที่เอติฮัด

    ช่วงหลังมานี้ แมนฯ ซิตี้ มีสถิติไม่ค่อยดีนักในการเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เนื่องจากพวกเขาปราชัยคาบ้าน 3 จาก 5 เกมลีกหลังสุดที่เจอกับ “ผีแดง” (เสมอ 1 ชนะ 1) ซึ่งรวมถึงความพ่ายแพ้ 2-1 เมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วย แต่ แมนฯ ซิตี้ ยังไม่เคยแพ้ในบ้านต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด 2 เกมลีกติดต่อกันมานับตั้งแต่ปี 2010 แล้ว

    อย่างไรก็ตามฤดูกาลนี้ “เรือใบ” เก็บคลีนชีทได้ทั้งสองนัดในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ (เสมอ 0-0 ในลีก, ชนะ 2-0 ในคาราบาว คัพ) และทีมสุดท้ายที่เก็บคลีนชีทในการเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 3 นัดในหนึ่งซีซั่นคือ อาร์เซน่อล ฤดูกาล 1998-99