ขุด 5 เกมอัปยศของ "โซลชา" ก่อนถูกแมนยูปลด

 ใครเป็นแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ย่อมไม่อาจทำใจยอมรับได้เมื่อต้องเห็นทีมรักแพ้ ลิเวอร์พูล คู่ปรับเบอร์หนึ่งจากชาติปางก่อนไปอย่างขาดลอย 5-0 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

     และนอกจากจะเป็นความปราชัยที่ย่อยยับแล้ว ว่ากันว่ามันยังจะทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องเสียเก้าอี้ผู้จัดการทีม ปีศาจแดง อีกด้วย

     เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่แรงกดดันกำลังถาโถมเข้าใส่กุนซือชาวนอรเวย์อย่างหนักเนื่องจากเก้านัดหลังในทุกรายการ เขาพาทีมกำชัยได้แค่สามเกมเท่านั้น ทั้งๆที่มีขุนพลนามกระเดื่องอยู่ในมือชนิดนับไม่ถ้วน

     ก่อนหน้าที่จะรับงานนายใหญ่ ผีแดง แบบขัดตาทัพเมื่อเดือนธ.ค.2008 โซลชา เคยสำแดงฝีมือในบ้านเกิดด้วยการพาทีม โมลด์ ซิวแชมป์ลีกนอรเวย์ได้ถึงสองหน

     และแน่นอนว่าหลังจากสอบผ่านงานกุนซือชั่วคราวเป็นเวลาสี่เดือน เขาก็ได้รับสัญญาอย่างถาวรสามปี บวกกับมีเงินให้ใช้จ่ายซื้อนักเตะเป็นจำนวน 141 ล้านปอนด์

     อย่างไรเสีย จนถึงวันนี้กุนซือวัย 48 ปียังไม่อาจคว้าโทรฟี่มามอบให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้

     กระทั่งหลังจบเกมแดงเดือดอีพีล่าสุด ก็ว่ากันว่า โซลชา กำลังจะตกเก้าอี้โดยที่เขาจะไม่ได้พาทีมบุกไปฟาดแข้งกับ สเปอร์ส ในวันเสาร์นี้

     แต่ก่อนจะคุมทีมขายหน้าคา โรงละครแห่งความฝัน นายใหญ่หน้าละอ่อนเคยมีผลงานการกุมบังเหียน ผีแดง ที่เลวร้ายมาก่อนเช่นกัน

 5. ถูก เอฟเวอร์ตัน ขยี้เละ

     ในเดือนเม.ย.2019 เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านยำใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด 4-0 เป็นการส่งสัญญาณว่า โซลชา ต้องทำงานให้หนักกว่านี้หากหวังพา ผีแดง พุ่งชนเกียรติยศ

     ตลอด 45 นาทีแรก เจ้าบ้านสร้างความช็อคให้กับผู้มาเยือน และได้ประตูนำไปก่อนสองลูกจากพิษสงของ ริชาร์ลิซอน และ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน

     เท่านั้นไม่พอ ครึ่งหลังทีม ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน ยังมาบวกเพิ่มได้อีกสองเม็ดจากฝีเท้าของ ลูกาส์ ดีญ และ ธีโอ วัลค็อตต์ 

     จากสกอร์ที่ปรากฏ โซลชา จึงถูกตั้งข้อสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คิดถูกหรือเปล่าที่แต่งตั้งอดีตกองหน้าซูเปอร์ซับให้คุมทีมทั้งๆที่สโมสรกำลังโหยหาความสำเร็จ

 4. ถูก ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ตกชั้นไปแล้วแบ่งแต้ม

     คงยังจำกันได้ว่าในซีซั่น 2018/19  ฮัดเดอร์สฟิลด์ จบอันดับบ๊วยของตาราง ตกลงสู่แชมเปี้ยนชิพ อย่างง่ายดายโดยเก็บสะสมแต้มได้ทั้งหมดแค่ 16 คะแนนเท่านั้น

     ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หนึ่งใน 16 แต้มนี้พวกเขาได้มาจากเกมเปิดบ้านเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ในนัดรองสุดท้ายซึ่งส่งผลเสียต่อ ปีศาจแดง อย่างมหาศาล

     อันที่จริง ทีมเจ้าบ้านการันตีการตกชั้นไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว แต่พวกเขายังอุตส่าห์แชร์แต้มกับทีมของ โซลชา ได้สำเร็จ อันเป็นเหตุให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดการคว้าอันดับท๊อปโฟร์ตีตั๋วร่วมบู๊ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก

     และที่สำคัญ ผ่านไปแค่ 8 นาที สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ สอยตาข่ายให้ ผีแดง บุกมานำอย่างเร็วจี๋ แต่จนแล้วจนรอดทีมจาก โรงละคร ก็ไม่อาจเช็คบิลเพิ่มการันตีการคว้าสามแต้มกลับรังไปได้

     กระทั่งนาทีที่ 60 สาวก เดอะ เทอร์เรียส์ ก็ได้เฮกันลั่นเมื่อ ไอแซค เอ็มเบนซ่า สอยตาข่ายได้ซึ่งหมายความว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ลงบู๊ห้านัดหลังโดยที่กำชัยไม่ได้เลย แถมน่าจะเสียประตูเพิ่มในช่วงท้ายเกมด้วยซ้ำ หากไม่ได้ฮีโร่อย่าง ดาบิด เด เคอา ช่วยพาทีมเก็บหนึ่งแต้ม

     เมื่อเป็นอย่างนี้ ผีแดง จึงต้องลงเล่นในถ้วย ยูโรปาลีก เพียงเพราะว่าพวกเขาทำได้แค่เจ๊ากับทีมรองบ่อนที่ตกชั้นไปตั้งนานสองนานแล้ว

3.โซลชา โดนสาปส่งครั้งแรก

     เบิร์นลีย์ สร้างประวัติสาสตร์บุกมาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เป็นครั้งแรกในเดือน ม.ค.2020 จากฝีเท้าของ คริส วู้ด และ เจย์ โรดริเกซ

     สำหรับแผงรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมดังกล่าวประกอบไปด้วย อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล , แดเนี่ยล เจมส์ , อันเดรียส เปเรยร่า และ ฆวน มาต้า ทว่า ณ ปัจจุบันโฉมหน้าทีมชุดนี้มองดูเหมือนทีมชุดฟุตบอลถ้วยซะมากกว่า ขณะที่บางรายไม่ได้อยู่กับสโมสรแล้ว 

     กระทั่งหลังจบเกม เสียงโห่ฮาป่าก็ดังกระหึ่มไปทั่วโรงละครแห่งความฝันอันเป็นครั้งแรกที่ โซลชา ถูกสาวก ปีศาจแดง ส่งเสียงขับไล่
 
     ขณะเดียวกัน มันก็เป็นการกระตุ้นให้สโมสรเซ็นสัญญาคว้า บรูโน่ แฟร์นันด์ส มาเสริมทัพทันทีในตลาดหน้าหนาวอีกราวหนึ่งสัปดาห์ต่อมา

2. ตกรอบแบ่งกลุ่มถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นก่อน

 
     ทั้งๆที่เปิดตัวได้สวยในสองเกมแรกด้วยการบุกไปคว่ำ เปแอสเช 2-1 และเปิดรังถล่ม แอร์เบ ไลป์ซิก 5-0 เก็บไปหกแต้มเต็ม พร้อมนำเป็นจ่าฝูง

     แต่สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด กลับร่วงตกรอบแบ่งกลุ่มถ้วยหูใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

     ปีศาจแดง ได้ลิ้มรสความปราชัยในเกมต่อมาเมื่อออกไปเสียท่าให้กับ อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ 2-1 โดย เด็มบา บา อดีตกองหน้า เชลซี สอยประตูให้ทีมเติร์กได้หนึ่งเม็ด

     ถึงอย่างนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด  ก็ลงเล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แก้เผ็ดทีมลูกหนังจากตุรกีได้อย่างสาสม 4-1 ซึ่งหมายความว่าพวกเขาขอแค่เสมอในอีกสองนัดสุดท้ายก็เพียงพอต่อการเข้ารอบ

     แต่ปรากฏว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบกับความปราชัยทั้งสองเกมโดยถูก เปแอสเช ยกทัพมาขยี้ 3-1 ก่อนบินไปให้ แอร์เบ ไลป์ซิก สยบ 3-2

     จึงแน่นอนเหลือเกินว่าการออกสตาร์ตได้อย่างสวยหรู แต่ลงเอยด้วยการตกรอบเป็นสิ่งที่แฟนบอล ผีแดง ไม่อาจยอมรับได้ และมันไม่ควรเกิดขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด

1. วันแดงเดือดที่น่าอับอาย

     เมาท์กันให้แซดว่าเกมแพ้ ลิเวอร์พูล คาบ้าน 5-0 จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ตระกูลเกลเซอร์ตัดสินใจว่า แมนฯ ยูไนเต็ด สมควรต้องเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมอีกครั้ง

     หลังจากเขี่ยบอลได้แค่ 5 นาที หงส์แดง ก็เบิกสกอร์ได้จากประตูของ นาบี้ เกอิต้า ก่อนที่ ดีโอโก้ โชต้า จะบวกเม็ดสองในอีก 8 นาทีให้หลัง

     และที่แน่ๆ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สบโอกาสซัดแฮททริคได้ไม่ยากอันเป็นสิ่งที่สาวก ผีแดง ไม่ต้องการเห็นแม้แต่น้อย

     เกมที่ว่านี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหิวกระหาย หรือความเชื่อมั่นเลยสักกระพีก อีกทั้งเกมรับก็อ่อนยุ่ยซะจนน่าจะถูกส่องยิงมากกว่าห้าประตูด้วยซ้ำไป

     เท่านั้นไม่พอ ปอล ป็อกบา ยังมาเพิ่มความหัวเสียให้กับกองเชียร์เจ้าบ้านอีกเมื่อลงเล่นเป็นตัวสำรองช่วงต้นครึ่งหลังได้แค่ 15 นาทีก็รับใบแดงจากการเสียบใส่ เกอิต้า

     ฉะนั้นแล้ว หากว่า โซลชา จะโดนเด้งก่อนเกมบุกไปเยือน สเปอร์ส จริงอย่างที่มีข่าวรายงานออกมา มันก็พอจะเข้าใจได้ว่าเขาสมควรได้รับสิ่งนี้ในเมื่อคุมทีมแพ้ศึกนัดสำคัญอย่างยับเยินไม่มีชิ้นดี