แก้เบื่อ!คล็อปป์เผยทำอะไรฆ่าเวลาช่วงพักแข่ง

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ระบุ ช่วงนี้ฆ่าเวลาด้วยการลองเต้นแบบ อเล็กซ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน รวมถึงดูหนังเรื่อง Taken พร้อมเชื่อว่าเมื่อมองย้อนกลับมาแล้วนี่ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้หลายคนภูมิใจสุดๆ

    เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าในช่วงที่มันพักการแข่งขันอยู่นั้น ตนฆ่าเวลาด้วยการพยายามเต้นแบบเดียวกับที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ดาวเตะเพื่อนร่วมทีมทำ รวมถึงดูภาพยนตร์เรื่อง Taken ครบทั้ง 3 ภาคอีกรอบ

    ปัญหาการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายลีกฟุตบอลทั่วโลกถูกสั่งพักการแข่งขัน โดยตอนแรก พรีเมียร์ลีก หยุดแข่งถึงวันที่ 3 เมษายนนี้เป็นอย่างต่ำ ก่อนที่ล่าสุดจะเพิ่มเป็นพักจนถึงวันที่ 30 เมษายน ซึ่งมันส่งผลเสียกับ ลิเวอร์พูล อย่างมาก เพราะพวกเขากำลังจะได้แชมป์ลีกเป็นหนแรกในรอบ 30 ปีอยู่แล้ว โดยขอเก็บให้ได้อีกแค่ 6 คะแนนเท่านั้น

    กุนซือชาวเยอรมันให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่า "ผมไม่ได้ออกมาตัดหญ้าน่ะนะ แต่ผมพยายามที่จะเต้นแบบ อ็อกซ์ ให้ได้! (หมายถึงการที่ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เต้นกับ เพอร์รี่ เอ็ดเวิร์ดส์ หวานใจของเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน) มันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิดด้วย! นอกจากนี้ผมก็ดูภาพยนตร์บางเรื่อง ผมไล่ดูทั้ง 3 ภาคของ Taken อีกรอบ นั่นแหละคือกิจกรรมที่ผมทำ คุณทำหลายอย่างที่ปกติแล้วไม่ค่อยได้ทำ ผมยังอยู่ในช่วงนั้นอยู่ 2 สัปดาห์มันเป็เวลาที่ยาวนาน แต่ก็ไม่ได้นานมากเท่าไหร่"

    คล็อปป์ แสดงความเชื่อด้วยว่าในอนาคตทุกคนทั่วโลกจะต้องรู้สึกภูมิใจเมื่อมองย้อนกลับมาถึงช่วงเวลานี้ จากการที่แต่ละคนต่างก็ช่วยดูแลกันและกันเป็นอย่างดี พร้อมกระตุ้นให้แต่ละคนดูแลกันเองอย่างเต็มที่ต่อไป "ในอีก 10, 20, 30 หรือ 40 ปีต่อจากนี้น่ะ เมื่อเรามองย้อนกลับมายังช่วงเวลานี้แล้วเราก็จะรู้สึว่านี่เป็นช่วงเวลาที่คนทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีกันมากที่สุด, แสดงให้เห็นถึงความรักต่อกันมากที่สุด, แสดงให้เห็นถึงความเป็นมิตรภาพระหว่างกันมากที่สุด ซึ่งมันจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆ"

    "ในตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้สึกแบบนั้น เพราะตอนนี้พวกคุณต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยเฉพาะเหล่าคนที่กำลังป่วยอยู่ แต่สักวันหนึ่งในอนาคตมันจะมีช่วงเวลาที่พอเรามองย้อนกลับมาแล้วเราก็จะรู้สึกได้ถึงเรื่องดีๆ ตามที่กล่าวไปในเบื้องต้น เพราะเรื่องเหล่านั้นคือทางแก้ของปัญหานี้ เราทุกคนต้องมีความเป็นระเบียบวินัย, เราต้องร่วมแรงร่วมใจกัน, เราต้องดูแลกันและกัน นั่นเป็นทางแก้ของปัญหานี้"